เรียนท่านผู้ถือหุ้น

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะนำเสนอรายงานประจำปี ของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซาจำกัด (มหาชน) สำหรับงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นอีกปีที่ธุรกิจของเราดำเนินงานสำเร็จลุล่วงหลายประการ รวมทั้ง ก้าวหน้าขึ้นเป็นปีที่ 2 ตามแผนกลยุทธ์ธุรกิจระยะ 5 ปี ที่วางไว้ ซึ่งเราจะต้องใช้กำลัง ความเข้มแข็ง พัฒนาทักษะความสามารถเพื่อที่จะเติบโตขึ้นเป็นสองเท่า

ปีที่ผ่านมานับว่ามีความท้าทายสำหรับธุรกิจอยู่หลายประการ ทั้งเศรษฐกิจโลก ที่เติบโตชะลอตัวลง ผนวกกับภาวะความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการแยกตัวของสหราช อาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป ความขัดแย้งทางด้านการค้าระหว่างประเทศ วิกฤติ ทางการเมืองซึ่งนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ การแข็งค่าของ เงินบาทที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการของประเทศไทยในสายตาต่างชาติแพงขึ้น และ การชะลอตัวของธุรกิจโรงแรมที่เกิดจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมทางเรือที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของประชาชนชาวจีน มีผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยลดลง

อย่างไรก็ตาม ด้วยพื้นฐานที่เข้มแข็งของประเทศไทยทั้งด้านจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว การจัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการ ช่วยให้เราสามารถยืนหยัด ผ่านสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย กอปรกับการมีโรงแรมในหลากหลายประเทศได้ช่วย กระจายความเสี่ยงและทำให้เราเติบโตแข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปี 2561 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศรวมทั้งสิ้นกว่า 38 ล้านคน กรุงเทพมหานครยังอยู่ในลำดับต้นๆ ด้านการเป็นเมืองที่มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมเยียนมากที่สุดของโลกไล่เลี่ยกับกรุงปารีส และกรุงลอนดอน

แม้ธุรกิจจะดำเนินอยู่ท่ามกลางปัจจัยลบภายนอกที่เกิดขึ้น แต่เซ็นทาราก็ยังสามารถดำเนินงานเพิ่มรายได้และผลกำไรได้สูงสุดอีกครั้ง ทั้งยังมีแผนเพิ่มโรงแรมอีกหลายแห่งในประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และในภูมิภาคตะวันออกกลาง

เราได้เริ่มดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจในระยะเวลา 5 ปีมาเป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว แผนนี้เป็นดั่งพิมพ์เขียวสำหรับเราในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างผลกำไร ทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะขยายและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ตลาดหยิบยื่นให้ทั้งในที่ที่เรามีโรงแรมอยู่แล้ว และการขยายไปยังตลาดที่มีศักยภาพสูงที่พัฒนาได้อีกในภูมิภาคอื่น นับเป็นความท้าทายให้เราใช้จุดแข็งที่มีอยู่ในการเอื้ออำนวยการเติบโตให้ได้มากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือความเป็นพันธมิตรกับกลุ่มเซ็นทรัล นอกจากนี้ เรายังคำนึงถึงการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรทั้งในแง่ของระบบการปฏิบัติงาน กระบวนการต่างๆ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพิ่มความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นในหลายด้าน

สิ่งสำคัญที่สุด คือการต่อยอดจากพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของเรา นำเสนอตัวตนแบรนด์ของเราเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราโดดเด่นแตกต่างจากโรงแรมในเครืออื่นและจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของเรา สิ่งนี้ได้แก่การส่งมอบวัฒนธรรมการต้อนรับแบบไทย อาหารที่ยอดเยี่ยม ความเชี่ยวชาญของเราในการสร้างสรรค์จุดหมายปลายทาง การพักผ่อนสำหรับครอบครัวและเด็ก รอยยิ้มที่จริงใจ สปาชั้นเยี่ยมเพื่อการผ่อนคลายอย่างแท้จริง รวมถึงการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งในส่วนของห้องประชุม กิจกรรมขนาดใหญ่ ห้องสัมมนาและการจัดอีเว้นท์ต่างๆ ที่ครบครัน โดยเซ็นทารามีศูนย์จัดประชุม และสัมมนาอันทันสมัยอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศไทยถึง 4 แห่งที่พร้อมให้บริการ ลูกค้า สำหรับการจัดงานระดับใหญ่สามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 4,000 คน

ทั้งนี้ เรายังมีความยืดหยุ่นในการออกแบบโรงแรมและรีสอร์ทในรูปแบบที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับจุดหมายปลายทาง ซึ่งเซ็นทารามีที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่สวยงามที่สุด ทั้งในประเทศไทย และในหลายภูมิภาค นอกจากนั้น เรายังได้เปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ คือ แบรนด์ ‘โคซี่’ โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ที่ออกแบบสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบ เทคโนโลยี เป็นที่พักสไตล์เรียบง่าย ในราคาคุ้มค่า เพื่อขยายฐานลูกค้าและตอบสนอง ความต้องการด้านประสบการณ์การพักผ่อนที่แตกต่างออกไป

จุดแข็งเหล่านี้ ทำให้เราคงความสามารถในการแข่งขันที่สูงทั้งยังสามารถสนองความต้องการของกลุ่มนักเดินทางได้ครอบคลุมมากขึ้น ตั้งแต่กลุ่มนักเดินทางวัยหนุ่มสาว ผู้รักอิสระและประสบการณ์ใหม่ๆ ไปจนถึงคู่รักที่เดินทางเพื่อฮันนีมูน ผู้บริหารที่เดินทางขณะทำงาน หรือผู้เกษียณอายุที่ชอบความสะดวกสบายที่มาพร้อมความผ่อนคลาย จุดแข็งของเราเหล่านี้ทำให้แบรนด์เซ็นทารายังคงโดดเด่นท่ามกลางตัวเลือกที่พักมากมายในตลาด

ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี มีอัตราการเติบโตของรายได้อยู่ในระดับดีตลอดปี 2561 อันเป็นผลจากการเร่งขยายสาขา และการประสบความสำเร็จในการออกสินค้าใหม่ รวมถึงการพัฒนาการให้บริการและการทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ใหญ่โดยเฉพาะแบรนด์ KFC, Ootoya และ Auntie Anne’s

นอกจากนี้ ซีอาร์จียังเร่งขยายแบรนด์ที่มีศักยภาพทั้งแบรนด์ Pepper Lunch, Yoshinoya, Tenya และ Katsuya โดยยอดขายรวมของทั้งสี่แบรนด์ในปี 2561 ที่ผ่านมามีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท และยังทำการผลักดันยอดขายผ่านช่องทาง delivery ทำให้ในภาพรวมธุรกิจ delivery ของซีอาร์จีเติบโตมากกว่า 20% โดยได้มี การทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านธุรกิจการส่งอาหารรายใหญ่ อาทิ Grab food, Line Man และ Food Panda และการพัฒนา delivery platform ของตนเอง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในปี 2562 นี้

แน่นอนที่สุดว่า ความสำเร็จของเราจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ซัพพลายเออร์ และพนักงานของเรา ผมขอขอบคุณ ทุกท่านที่เชื่อมั่น ทำงานหนัก ทุ่มเท มีความมุ่งมั่น และพร้อมเดินเคียงข้างกันเพื่อดูแล และให้บริการลูกค้าของเราอย่างเต็มความสามารถตลอดมาและต่อไปในอนาคต



สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์
ประธานกรรมการ